ข้อดีของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนโซลิดสเตตมีอะไรบ้าง

เทคโนโลยีพลังงานของโดรนยังคงสร้างความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีใหม่นี้วางตำแหน่งระหว่างแบตเตอรี่ลิเธียมเหลวและแบตเตอรี่โซลิดสเตตทั้งหมดกำลังพลิกโฉมภูมิทัศน์ของแบตเตอรี่ลิเธียมแบบดั้งเดิมด้วยข้อได้เปรียบหลายมิติ โดยอัดฉีดแรงผลักดันใหม่ให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่ต่ำ

I. ความหนาแน่นของพลังงานเป็นสองเท่า: ความก้าวหน้าสองเท่าในด้านความทนทานและน้ำหนักบรรทุก

แบตเตอรี่ลิเธียมโพลีเมอร์ที่ใช้กันทั่วไปในโดรนของผู้บริโภคมักจะมีความหนาแน่นของพลังงานต่ำกว่า 250Wh/กก. ในขณะที่แบตเตอรี่ลิเธียมเหลวในโดรนอารักขาพืชเกษตรแทบจะไม่เกิน 300Wh/กก. สิ่งนี้นำไปสู่บรรทัดฐานทางอุตสาหกรรมที่ว่า "ใช้เวลาบิน 30 นาทีและสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ 5 กิโลกรัม"

แบตเตอรี่กึ่งโซลิดสเตตประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดดเชิงคุณภาพด้วยนวัตกรรมด้านวัสดุ เมื่อรวมแอโนดซิลิคอน-คาร์บอนเข้ากับแคโทดนิกเกิลสูง พวกมันจะสูงถึง 350Wh/กก. ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าของความหนาแน่นของพลังงานแบบดั้งเดิม การปรับปรุงนี้แปลโดยตรงถึงความสามารถในการปฏิบัติงาน

ที่สำคัญกว่านั้นคือปรับ "อัตราส่วนพลังงานต่อน้ำหนัก" ให้เหมาะสม ในขณะที่เพิ่มความหนาแน่นของพลังงานขึ้น 35% แบตเตอรี่กึ่งแข็งจะลดน้ำหนักลง 20% สิ่งนี้ช่วยให้โดรนน้ำหนักบรรทุก 5 กิโลกรัมสามารถบินได้เป็นเวลา 30-40 นาที ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาขั้นพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่ “การพกพาแบตเตอรี่เพิ่มเติมนั้นมีประโยชน์น้อยกว่าการบรรทุกน้ำหนักบรรทุกน้อยลง”

ครั้งที่สอง การปฏิวัติด้านความปลอดภัย

เทคโนโลยีเจลอิเล็กโทรไลต์ในแบตเตอรี่กึ่งแข็งช่วยขจัดอันตรายด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับอิเล็กโทรไลต์เหลวโดยพื้นฐาน แบตเตอรี่เหล่านี้แสดงการรั่วไหลเป็นศูนย์และไม่มีการจุดระเบิดระหว่างการทดสอบการเจาะและแรงอัด ภายใต้สภาวะที่รุนแรง ความเสถียรทางความร้อนเหนือกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมแบบดั้งเดิมถึง 300% โดยคงการคายประจุที่เสถียรแม้ที่อุณหภูมิ 80°C หรือภายใต้แรงกระแทกจากการเจาะ

III. การปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม: เอาต์พุตมีเสถียรภาพที่อุณหภูมิ -40°C

ด้วยสูตรอิเล็กโทรไลต์ที่ได้รับการปรับปรุง แบตเตอรี่กึ่งแข็งจึงสามารถเอาชนะข้อจำกัดด้านอุณหภูมิได้ ผลิตภัณฑ์ ZYEBATTERY ทำงานได้อย่างเสถียรระหว่าง -40°C ถึง 60°C โดยรักษาความจุไว้ 85% ในสภาพอากาศหนาวเย็นจัด ในทางตรงกันข้าม แบตเตอรี่ลิเธียมแบบธรรมดาจะมีอายุการใช้งานเพียง 15 นาทีภายใต้สภาวะที่เหมือนกัน โดยไม่สามารถตอบสนองความต้องการในปฏิบัติการกู้ภัยบนที่สูงหรือการสำรวจขั้วโลก

IV. ข้อดีของวงจรชีวิต

ด้วยการยับยั้งการเติบโตของลิเธียมเดนไดรต์ แบตเตอรี่กึ่งแข็งจึงยืดอายุการใช้งานของวงจรได้มากกว่า 1,000 รอบ บางรุ่นสามารถรักษาความจุได้มากกว่า 80% หลังจาก 1,200 รอบ สำหรับการชาร์จ/คายประจุโดรนเพื่อการเกษตรสามครั้งต่อวัน แบตเตอรี่แบบดั้งเดิมจำเป็นต้องเปลี่ยนสองครั้งต่อปี ในขณะที่แบตเตอรี่กึ่งแข็งจะทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งช่วยลดต้นทุนรายปีลง 60%

เร่งดำเนินการเชิงพาณิชย์

โดรนเกรดผู้บริโภค เกรดเกษตรกรรม เกรดฉุกเฉิน และเกรดอุตสาหกรรม ต่างก็ค่อยๆ นำแบตเตอรี่กึ่งโซลิดสเตตมาใช้ แรงดันไฟฟ้าและความจุของชุดแบตเตอรี่หลายซีรีส์สามารถปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการเฉพาะได้

ตัวอย่างเช่น การกำหนดค่าซีรีส์ 6 เหมาะกับโดรนถ่ายภาพทางอากาศขนาดกลาง (ความทนทาน 20-30 นาที) ในขณะที่ซีรีส์ 14 เหมาะสำหรับโดรนฉีดพ่นทางการเกษตรขนาดใหญ่ (ความทนทาน 40-60 นาที) อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ดังกล่าวจำเป็นต้องมีระบบการจัดการแบตเตอรี่ (BMS) แบบมืออาชีพเพื่อให้แน่ใจว่าแรงดันไฟฟ้ามีความสมดุลระหว่างซีรีย์ต่างๆ และป้องกันเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่เกิดจากแรงดันไฟฟ้าไม่สอดคล้องกัน

แบตเตอรี่กึ่งโซลิดสเตตไม่ใช่เทคโนโลยีการเปลี่ยนผ่าน แต่เป็นทางออกที่ดีที่สุดในการจัดการกับ 'ความวิตกกังวลในระยะไกล' ของโดรนในปัจจุบัน นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมชี้ให้เห็นว่าเมื่อต้นทุนการผลิตจำนวนมากลดลงภายในปี 2568 แบตเตอรี่เหล่านี้จะเจาะตลาดผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ช่วยให้โดรนถ่ายภาพทางอากาศสามารถบินได้นานกว่าหนึ่งชั่วโมง และโดรนขนส่งสินค้าสามารถส่งสินค้าได้ไกลกว่า 100 กิโลเมตร สิ่งนี้จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของเศรษฐกิจในพื้นที่ต่ำอย่างแท้จริง